The Crown of Wu เผยตัวอย่างใหม่ของเกมที่สร้างสรรค์จากกลุ่มนักศึกษาจากสเปน

The Crown of Wu เผยตัวอย่างใหม่ของเกมที่สร้างสรรค์จากกลุ่มนักศึกษาจากสเปน 

Jose Carlos ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Crown of Wu ได้แบ่งปันจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของเกมในฐานะโปรเจ็กต์ของนักเรียน และสิ่งที่ทำให้เกมนี้ไม่เหมือนใคร

Red Mountain (ประเทศสเปน) ร่วมกับ Ripples Asia Pte Ltd ผู้จัดจำหน่ายจากประเทศสิงคโปร์ นำ The Crown of Wu  เกมแอคชั่น-ดาร์คแฟนตาซี ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานจีนโบราณ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวฉบับใหม่ในการเดินทางของ ซุน หงอคง จากแอนตี้ฮีโร่สู่การเป็นฮีโร่ นี่คือโลกที่ตำนานจะมาบรรจบกับความเป็นจริง The Crown of Wu จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว บน PlayStation 5, PlayStation 4 และสำหรับ PC จำหน่ายในวันที่ 25 มีนาคม 2023 นี้ 

โดย คุณ Jose Carlos Montero ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของเกมได้แบ่งปันการเดินทางครั้งแรกของเขาในฐานะโปรเจ็กต์ของโรงเรียนระหว่างครูและนักเรียนที่ Trazos สาขา Digital Arts ในกรุงมาดริด เพื่อยกระดับในการพัฒนาเกมไปอีกขั้น

The Crown of Wu เล่าถึงการผจญภัยของ ซุน หงอคง เทพครึ่งลิงครึ่งมนุษย์ หลังจากครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ส่งสารของจักรพรรดิ ก็เริ่มประพฤติตัววุ่นวายจากการใช้มงกุฎที่ให้พลังพิเศษแก่เขา ราวกับว่าการสวมมันจะทำให้หัวใจเสียหาย... จนในที่สุด ก่อเกิดอาชญากรรมและความโหดร้ายทำให้เขาถูกจับและถูกลงโทษอย่างรุนแรง ถูกแช่แข็งในสารละลายไบโอสแตติก หลังจากเวลาล่วงเลยหลายสิบปีจนแทบไม่มีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ ไม่สามารถแม้แต่การขยับเขยื้อน ซุน หงอคง ก็สามารถปลดปล่อยตัวเองออกจากคุกและพบกับโลกที่เสื่อมโทรมที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง นอกจากนี้มงกุฎของเขายังถูกขโมยไปและถูกใช้เพื่อกระตุ้นการสั่นสะเทือนที่จะนำไปสู่การระเบิดครั้งใหญ่และนำไปสู่การสูญสิ้นมนุษยชาติ ท้ายที่สุด... ซุน หงอคง ต้องนำมงกุฎที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาและช่วยเหลือผู้คนที่เขาเคยทำร้าย เพื่อที่จะกอบกู้โลกและไถ่บาปของตัวเองให้พบกับเส้นทางสู่ความสงบ

ต้องหามงกุฏของ ซุน หงอคง เจอให้ได้!

จุดเด่นของเกม:

โลกแห่งดาร์คแฟนตาซี - ดื่มด่ำกับดินแดนอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งเก่าและใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานจีนโบราณ และสร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวบทใหม่เกี่ยวกับการเดินทางของ ซุน จากแอนตี้ฮีโร่สู่การเป็นฮีโร่ที่แท้จริง นี่คือโลกที่ตำนานมาบรรจบกับความเป็นจริง

คุณสมบัติและความสามารถ - ควบคุมพลังแห่งลม, ไฟ, ดิน และสายฟ้า พลังแต่ละรูปแบบของคุณทำให้คุณมีวิธีจัดการกับสภาพแวดล้อมหรือการต่อสู้กับศัตรูของคุณที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยลม, ไฟ และสายฟ้า หรือจะเป็นการป้องกันด้วยพลังแห่งดิน จงปลุกพลังของคุณเพื่อปราบศัตรูและออกจากขุมนรกสุดอันตราย

ระบบการต่อสู้ที่ท้าทาย - พบกับระบบการโจมตีที่สดใหม่และท้าทาย พร้อมเติมพลังมากขึ้นกับคุณในขณะที่คุณเดินทางข้ามดินแดนอันน่ากลัวนี้เพื่อไขปริศนาของมงกุฎที่ถูกขโมยไป ด้วยการกระโดด, วิ่ง, และปากัวร์ ปีนป่ายในแบบฉบับคุณ ในโลกใบใหม่พร้อมไขปริศนาที่ซับซ้อนและเอาชนะการทดสอบที่ซับซ้อนมากขึ้นเมื่อคุณก้าวผ่านระดับต่างๆ


The Crown of Wu จำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว บน PlayStation 4, PlayStation 5 และ PC ใน Steam

ทั้งนี้ ทางผู้พัฒนาเกม The Crown of Wu ได้มีการจัดบทสัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับความท้าทายในครั้งนี้ มาดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง!

Q: บอกเล่าถึงการเดินทางในการสร้างเกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ‘ ตำนานไซอิ๋ว ’ ให้เราฟังหน่อยครับ ?

A: ผมเป็นครูที่ Trazos สาขา Digital Arts ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน และเราคิดว่าจะสร้างเกมที่สามารถให้ครูจากภาควิชาต่างๆ มาเข้าร่วมกันได้ เช่น สาขาแอนิเมชัน การออกแบบเกม และการผลิตเกม เราเริ่มจากการระดมความคิดต่างๆ เข้าด้วยกัน เมื่อเราพบกับตำนานสุดคลาสสิกของจีนเรื่อง ' ไซอิ๋ว' เราก็รู้ทันทีว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากเพราะเป็นตำนานที่แปลกใหม่ในประเทศของเรา

การพัฒนาขั้นแรก เริ่มจากโปรเจ็กต์ภายในโรงเรียน และเมื่อเกมเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ผมตัดสินใจนำโปรเจ็กต์นี้เข้าสู่บริษัทพัฒนาเกมของผม เพื่อปรับปรุงคุณภาพของเกม ผมชอบทำงานกับนักศึกษามาก เกมพัฒนาอย่างรวดเร็วและจำเป็นต้องได้รับการขัดเกลามากขึ้น พนักงานเกือบ 80% ในบริษัทของผม เคยเป็นนักเรียนของผมมาก่อน ผมรับรู้ได้ถึงพรสวรรค์ของพวกเขาและผมต้องการให้พวกเขาทำงานใกล้ชิดผม ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากในการทำให้บริษัทเติบโตด้วยการสร้างความสัมพันธ์ของเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา และที่สำคัญกว่านั้นคือ การได้บัณฑิตที่มีพรสวรรค์ที่สุดในอุตสาหกรรมเกมมาทำงานร่วมกัน

Q: อะไรคือส่วนที่ท้าทายที่สุดในการสร้าง Crown of Wu ?

A: ส่วนที่ยากที่สุดคือการเขียนโปรแกรมแอนิเมชั่น สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการทำให้แอนิเมชั่นลื่นไหลมากขึ้นและรวมถึงสร้างพิมพ์เขียวของแอนิเมชั่น ในทางตรงกันข้าม การสร้างงานศิลปะนั้นแทบจะเป็นธรรมชาติสำหรับเรา ผมเป็นครูสอนศิลปะและการออกแบบ มันค่อนข้างง่ายสำหรับผมที่จะได้งานศิลปะที่สวยงามและง่ายต่อการจัดองค์ประกอบที่เหมาะสม

Q: หงอคง ของคุณเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับตัวละครในเวอร์ชั่นอื่นๆ ?

A: หงอคง อาจเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในโลก แต่ในกรณีของเรา เราคิดว่ามันน่าสนใจที่จะใส่พลังทั้งหมดลงในมงกุฎที่เขามี เมื่อเขาใช้มงกุฎ เขาจะมีพลัง แต่เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง มงกุฎจะเริ่มบิดเบี้ยวและทำให้หัวใจของเขามืดมน ดังนั้นในเรื่องนี้ หงอคงต้องทิ้งมงกุฎและมีจิตวิญญาณที่ดีเหมือนในอดีต ซึ่งผู้เล่นต้องตัดสินใจว่าจะสวมมงกุฏหรือจะทำลายมัน ดังนั้นเราจึงรวมเรื่องราวของ ไซอิ๋ว และ Lord of the Ring เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ที่แตกต่างเกี่ยวกับ ซุน หงอคง

Q: ระบบการต่อสู้ยากแค่ไหน ?

A: เรามีสี่ระดับความยาก สามระดับแรกนั้นยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คุณต้องเรียนรู้จังหวะ เข้าใจศัตรู และรู้จักสภาพแวดล้อมเพื่อที่จะต่อสู้กับพวกมันได้ดี ระดับที่ยากน้อยที่สุดช่วยให้คุณสำรวจโลกโดยไม่ต้องพบการต่อสู้ที่ท้าทายมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ในโหมดที่ยากขึ้น ศัตรูจะมีความต้องการที่จะเอาชนะคุณอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเลย เมื่อคุณจบเกม คุณจะปลดล็อกระดับที่ยากที่สุดซึ่งคล้ายกับเกมที่ห้ามโดนโจมตีหรือเกมในรูปแบบของ Souls-like

Q: ธาตุลม ไฟ ดิน และสายฟ้า ธาตุเหล่านี้ใช้ในการต่อสู้อย่างไร ?

A: เราคิดเกี่ยวกับองค์ประกอบต่างๆ ว่าเป็นองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้างอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมและช่วยในการต่อสู้โดยตรงได้ โดยสร้างความเสียหายแก่ศัตรูหรือทำให้พวกมันมึนงงและใช้พวกมันเพื่อป้องกันตัวเองจากการโจมตีของศัตรู

Q: ในแง่ของรูปแบบการเล่น สัดส่วนของการต่อสู้, พาร์กัวร์ และการแก้ไขปริศนา แบ่งสัดส่วนกันมากน้อยอย่างไร ?

A: ผู้เล่นจะพบกับการแก้ไขปริศนาที่ยากเพียงสองหรือสามรูปแบบเพื่อไขในทุกระดับ เมื่อผมพูดถึงการแก้ไขปริศนาที่ยากๆ นั้นเพียงแค่คุณต้องสังเกตสภาพแวดล้อมเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องโต้ตอบเพื่อไขปริศนานั้นๆ คุณจะพบพื้นที่มากมายที่ต้องเล่นแบบเกมแพลตฟอร์มซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะคุณต้องกะจังหวะและวัดระยะทางให้ตรงในแง่ของสัดส่วน การต่อสู้ 40% ถึง 50% ของเกม และ 50% ถึง 60% เป็นการแก้ไขปริศนาและเกมในรูปแบบแพลตฟอร์ม

Q: เกมของคุณเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับ Black Myth ?

A: หลายคนบอกว่าเรากำลังพยายามสร้างเกมของตัวเองโดยอ้างอิงจาก Black Myth แต่เราเริ่มต้นเกมของเราในปี 2018 ดังนั้นเราจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ Black Myth เนื่องจากเราอยู่ในระหว่างการผลิต Crown of Wu ฉันรู้สึกว่าเมื่อผู้คนเปรียบเทียบเกมของเรากับ Black Myth ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเราน่าจะทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยทีมห้าคนและงบประมาณที่พอประมาณ

อัจ ลอฟท์เกม

อัจ ลอฟท์เกม ผู้ก่อตั้งเพจและเว็บไซต์ "ลอฟท์เกม - LOFTSGAME" บล็อกเกอร์ผู้สนใจและชื่นชอบเครื่องเล่นเกมคอนโซลเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนี้ยังชื่นชอบเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไอที แกตเจ็ต รวมไปถึงกีฬาอีสปอร์ต facebook twitter

แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า