เม้าส์คอมพิวเตอร์ (PC Mouse) ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มสำคัญสำหรับพวกเราชาว PC มากๆครับ เพราะทำให้เราควบคุมการทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกสบายและแม่นยำมากขึ้น เพียงแค่เลื่อนแล้วคลิกเท่านั้น และถ้าเราขาดเม้าส์ไป เราก็คงแต่นั่งมอง ทำอะไรได้ลำบากแน่นอน แต่ก่อนอื่นเรามาพูดถึงประวัติของเม้าส์คอมพิวเตอร์กันก่อนนะครับ
เม้าส์สำหรับคอมพิวเตอร์ถูกคิดค้นและพัฒนาโดย "ดักลาส เองเกิลบาร์ท" (Douglas Engelbart) วิศวกรชาวอเมริกันเมื่อปี 1963 และได้รับการจดสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 1970 เม้าส์ตัวแรกถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์จริงๆโดย ซีร็อก อัลโต (Xerox Alto) โดยเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ในยุคแรกๆนั้น ไม่ได้มีชื่อว่าเม้าส์ แต่มันเรียกว่า "ตัวชี้ตำแหน่งแกน X-Y"
เม้าส์ไม้ของ เองเกิลบาร์ท
ซึ่งเจ้าอุปกรณ์ดังกล่าว หน้าตาก็ตามภาพเลยครับ คือ ทำขึ้นจากไม้ มีลักษณะที่ใหญ่พอสมควร มีปุ่มกดอยู่บริเวณด้านขวาบน และมีสายสำหรับใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และด้านในมีเฟือง 2 ตัว เป็นตัวกลไก โดยวางในลักษณะตั้งฉากกัน เมื่อเฟืองหมุน มันก็จะทำให้เจ้าอุปกรณ์นี้เคลื่อนที่ได้นั่นเอง และเนื่องจากชื่อของเจ้าอุปกรณ์ดังกล่าวมันจำยาก ด้วยลักษณะป้อม ๆ มีสายยาว ๆ เหมือนหางหนู เองเกิลบาร์ทก็เลยเรียกมันว่า "เม้าส์" ซึ่งแปลว่า "หนู" นั่นเอง และแล้วก็กลายเป็นคำเรียกกันมาอย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน
โดยปัจจุบันนั้นเม้าส์ที่วางขายบนท้องตลาด จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆด้วยกันคือ
- เม้าส์สำหรับใช้ทั่วไป
เม้าส์ประเภทนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ เวลาจะใช้งานก็สามารถเสียบสายเข้ากับช่อง USB ของคอมพิวเตอร์ PC ก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่มีลูกเล่น คุณสมบัติพิเศษอะไรทั้งสิ้น แต่เดิมจะใช้ระบบ "ลูกกลิ้ง" ในการเคลื่อนที่ ซึ่งประสบปัญหาด้านอายุการใช้งาน และการดูแลรักษา จึงได้มีการพัฒนามาใช้แบบ "เซ็นเซอร์แสง" (Optical Sensor) แทน ซึ่งมีความแม่นยำและพบปัญหาจุกจิกน้อยกว่าแบบลูกกลิ้งมาก (เม้าส์แบบลูกกลิ้งนั้นมักจะพบปัญหาเรื่องเฟืองสกปรก ทำให้ใช้งานไม่ลื่นไหนและมีปัญหาติดขัดบ่อยๆ ซึ่งในปัจจุบันจะมีความเร็วส่วนใหญ่อยู่ 800 DPI ( DPI คือมาตรฐานที่ใช้ในการวัดความไวของเมาส์ แสดงเป็นตัวเลข DPI (จุดต่อนิ้ว) ) และเปลี่ยน Interface Port จากแบบ PS/2 เป็นแบบ USB เม้าส์ประเภทนี้สามารถหาซื้อได้ง่าย และมีมากมายหลายยี่ห้อให้เลือกสรร เหมาะสำหรับใช้งานทั่วๆไป เช่น ท่องเว็บ งานออฟฟิศ เป็นต้น แต่จะใช้เล่นเกมก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน แต่ความแม่นยำและความไว จะไม่เท่าเม้าส์แบบ Gaming ที่ผมกำลังจะกล่าวถึงในข้อถัดไปครับ
- เม้าส์สำหรับเล่นเกม Gaming Mouse
เม้าส์ประเภทนี้ก็ตามชื่อเลยครับ เพราะมันถูกออกแบบมาสำหรับใช้ "เล่นเกม" โดยเฉพาะ ซึ่งเม้าส์ประเภทนี้จะใช้วัสดุและอุปกรณ์ทั้งภายนอกและภายในแตกต่างจากเม้าส์ทั่วไปโดยสิ้นเชิงครับ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่ดูเหมาะกับความเป็น Gaming โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย ใช้ Sensor ที่มีความเร็วมากถึง 12000 DPI และความแม่นยำสูง ปุ่มมาโครสำหรับสร้างชอร์ตคัทตอนเล่นเกม มีการใช้สวิตซ์คลิกที่เคลมว่าสามารถทนทานต่อการกดมากกว่า 20 ล้านครั้ง เป็นต้น
ไฟ LED แบบ RGB ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเม้าส์
ออกแบบมาให้เข้ากับขนาดและสรีระของฝ่ามือ
ซึ่งคุณสมบัติต่างๆของเม้าส์ประเภท ไม่ว่าจะเป็นความเร็วของ DPI ปุ่มมาโคร สามารถปรับแต่งได้ง่ายๆโดยผ่านซอฟท์แวร์ของแต่ละผู้ผลิต เพื่อจูนค่าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานให้มากที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ยังมียังมีคุณสมบัติและกิมมิคของแต่ละแบรนด์ อาทิเช่น ไฟ RGB และมีการชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเม้าส์เอง เพื่อให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในแง่ของการตลาด แน่นอนครับ คุณสมบัติยิ่งเยอะ กิมมิคยิ่งแยะ ราคาก็สูงขึ้นไปด้วย!!
ค่า Polling Rate คืออะไร?
Polling Rate คือ อัตราการส่งข้อมูลผ่านทางพอร์ต USB ของเมาส์นั่นเองครับ ซึ่งเม้าส์สำหรับเล่นเกมหรือ Gaming Mouse นั้นสามารถปรับค่า Polling rate ได้สูงสุดถึง 1000Hz กันเลยทีเดียวครับ ส่งผลให้การรับส่งข้อมูลระหว่างตัวเม้าส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ PC มีความรวดเร็วกว่าเม้าส์ที่ใช้งานกันทั่วไปครับ
สุดท้ายนี้ ผมก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังลังเลว่าจะทนใช้เม้าส์ธรรมดาๆ ต่อไป หรือควรเปลี่ยนไปใช้เม้าส์แบบ Gaming ดี ไม่มากก็น้อยนะครับ
-- แอดมินอัจ --
